จากคนที่มาเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรม แต่กลับใจเป็นคริสเตียน!!! (พันธกิจนักศึกษากรุงเทพ)
top of page

จากคนที่มาเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรม แต่กลับใจเป็นคริสเตียน!!! (พันธกิจนักศึกษากรุงเทพ)


ผมชื่อ จัสติน แฟน ซอล ผมเติบโตในครอบครัวที่อบอุ่น ในเมืองเล็กๆที่ประเทศเนเธอร์แลนส์ ตลอดชีวิตของผมคุณพ่อคุณแม่ให้การสนับสนุนผมในทุกเรื่องที่ผมอยากจะทำ ในเรื่องสถานะการเงิน ครอบครัวค่อนข้างสะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผมเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมเพื่อนๆของผมมีความเห็นที่ไม่ค่อยตรงกันกับผมนัก ขณะที่ผมต้องการจะมีเพื่อนและเรียนหนังสือให้จบ แต่ผมค่อยๆรู้สึกหลงทางจากวิถีชีวิตประจำวันที่ผมใช้ เพื่อนผมมั่นใจว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง พวกเขาจึงโน้มน้าวผมอย่างรวดเร็วให้เชื่อว่าการไม่มีพระเจ้าคือชีวิตที่ดีกว่า


ผมมีความสนใจเสมอมาในการเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่ผมโตมา คณะที่ผมเลือกเรียนหลังจากจบชั้นมัธยม ซึ่งคือคณะการศึกษาระหว่างประเทศได้เปิดโอกาสอย่างดีเยี่ยมให้ผมได้รู้จักกับนักศึกษาจากทั่วโลก ที่มีความสนใจเดียวกันกับผม และมากไปกว่านั้นส่วนหนึ่งของหลักสูตรในระยะเวลาครึ่งปี ได้สนับสนุนให้นักศึกษาไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ สำหรับตัวผมเองได้มาเรียนในประเทศไทยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


นับจากวันแรกที่ผมมาถึงมหาวิทยาลัย ผมได้รู้จักกับเพื่อนที่ดีที่สุดในหลักสูตรนักศึกษาแลกเปลี่ยนนี้ ผมเข้าร่วมชมรมคริสเตียนที่จุฬาฯ อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นผมจะยังไม่เป็นคริสเตียน แต่ความมีน้ำใจอย่างมากมายของเพื่อนๆทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่พี่รูธเป็นคนช่วยจัดการ ได้สร้างบรรยากาศแห่งความใกล้ชิดที่เหมือนครอบครัวตั้งแต่คร้ังแรกที่ผมเข้าไปร่วม สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆและมั่นคง คือผมได้เฝ้าตั้งคำถามว่า “อะไรที่ทำให้คนเหล่านี้มีน้ำใจได้มากอย่างเหลือเชื่อ?”


ด้วยคำถามนี้เองทำให้ผมค่อยๆสนใจในความเชื่อคริสเตียน ทางชมรมได้จัดชั้นเรียนพระคัมภีร์ประจำสัปดาห์ เราศึกษาพระธรรมยอห์นสัปดาห์ละ 1 บท ผมจึงค่อยๆรู้จักพระเยซูและพระวจนะคำของพระองค์ ถึงแม้ว่าผมได้ตั้งคำถามในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ แต่เพื่อนๆคริสเตียนที่ผมรู้จักระหว่างการทานอาหารเย็นด้วยกันก็ยินดีเสมอที่จะตอบ


เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแฟนได้จบลง ผมรู้สึกแตกสลาย ผมร้องไห้อยู่หลายสัปดาห์ผมเรียนหนังสือไม่ได้ ผมไปทำงานไม่ได้ ผมไม่อยากเดินทางไปที่ไหนเลย ทุกๆย่างก้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทุกๆความคิดของผมมีแต่เธอผุดขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาแตกสลายนี้เอง ที่พระเยซูคริสต์ ได้สำแดงอำนาจความรักของพระองค์ เพื่อนผมมาเยี่ยมผมในช่วงเย็นหลายวันเพื่อพูดคุยและหัวใจของผมก็เต็มไปด้วยความชื่นชมในพลังอำนาจอันเหลือเชื่อของความรักที่เพื่อนผมได้พูดถึง ในขณะที่ผมไม่สามารถที่จะเติมตัวเองได้เพื่อนผมบอกว่า พระเยซูพร้อมเสมอที่จะเติมผมให้เต็มล้นด้วยความรักของพระองค์


ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักของพระองค์ในช่วงเวลาที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่สามารถรักตัวเองได้ ด้วยพลังที่มาจากพระองค์ผมสามารถลุกขึ้นใหม่และดำเนินชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆและครอบครัวคนไทยของผมในชมรมคริสเตียน ผมได้มอบชีวิตให้พระเยซู ในตอนนี้ข้อพระคัมภีร์ที่ผมชอบที่สุด คือ 1 เปโตร 5:7 “จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” สิ่งนี้ย้ำเตือนผมถึงของขวัญอันล้ำค่าที่พระเยซูได้มอบไว้กับผมในตอนนี้ผมได้กลับมาที่ประเทศของผมแล้วผมพยายามที่จะใช้ชีวิตทุกๆย่างก้าวพระเจ้า ผมรู้ว่าพระองค์ทรงเดินกับผมและพระองค์ทรงแบกความกังวลใจของผมไว้ ผมรู้สึกขอบคุณอย่างท่วมท้นสำหรับของขวัญอันน่าอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงมอบให้ผม

ดู 69 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page