ช่วงเวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ทำกิจกกรมที่สร้างสรรค์ที่ไม่เคยทำ ได้พบเพื่อน สังคมและมุมมองใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้เองจะคอยเสริมสร้างตัวเราขี้นในอนาคต แต่ในทางกลับกันสิ่งที่เอ่ยมานั้น ก็ดึงเราออกจากพระเจ้าได้ง่ายมากเช่นกัน การอธิษฐานกับพระเจ้า คอยย้ำเตือนผมอยู่เสมอว่าผมเป็นใครในสังคมที่ผมอยู่
1.ปกติผมอธิษฐานยังไงบ้าง ตอนไหนบ้าง เผื่ออะไรบ้าง
ทุกๆเช้า ผมพยายามจะเริ่มต้นวันด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันใหม่ ขอการทรงนำในแต่ละวัน ขอบพระคุณสำหรับสิ่งต่างๆที่ประทานให้ ขอพระเจ้าประทานสติปัญญาก่อนที่จะเริ่มเรียน ทำการบ้านหรือโปรเจ็ค ถ้ามีเรื่องกวนใจหรือความน่ากังวลของสังคมรอบข้างผมจะอธิษฐานเผื่อพวกเขาด้วย รวมถึงขอพระเจ้านำผม ให้ผมเต็มล้นด้วยความรักของพระองค์ เพื่อผมจะสามารถนำความรักนั้นไปสู่คนอื่นได้ และเป็นพระพรสำหรับเขา
2.มีประสบการณ์อธิษฐานเผื่อเพื่อนอย่างไรบ้าง
หากผมเห็นเพื่อนคนไหนกำลังมีปัญหาหรือทุกข์ใจ ถ้าผมพอจะช่วยได้ก็จะช่วยและจะนำเรื่องเหล่านั้นมาอยู่ในคำอธิษฐานส่วนตัว ขอบคุณพระเจ้าที่มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีโอกาสนำเพื่อนๆในกลุ่มที่เป็นและไม่ได้เป็นคริสเตียนอธิษฐาน ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้พวกเขามีโอกาสรู้จักพระองค์ผ่านการอธิษฐานในครั้งนั้น ตอนนั้นผมไม่ได้ตื่นเต้นหรือประหม่าเลย แต่กลับรู้สึกเต้มล้นด้วยความยินดีและอยากแบ่งปันให้พวกเขาได้รู้จักความสงบสุขในพระเจ้า
3. หนุนใจเพื่อนๆมหาวิทยาลัยอื่นให้เห็นความสำคัญ และทำต่อไป
ผมว่าการเป็นคริสเตียนในบทบาทนักศึกษานี้ยากมาก เพราะหน้าที่ของเราคือเป็นเกลือและแสงสว่างให้กับคนมากมาย ถ้าเราอยากจะรู้จักวิธีการส่องสว่าง เราก็ต้องติดสนิทกับแหล่งแห่งความสว่าง เราสามารถเข้าใกล้พระองค์ได้โดยการอธิษฐาน อธิษฐานมากขึ้นก็เข้าใกล้มากขึ้น เข้าใกล้มากขึ้นก็จะได้รับการชูใจ เมื่อเราได้รับการชูใจ เราก็สามารถชูใจคนอื่นต่อไปได้ ตัวเราเป็นพระพร และมีโอกาสนำพวกเขามารู้จักกับพระเจ้าได้มากขึ้น
สิรดนัย สุทิน (ตูน)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ปี 2
コメント